วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

บทที่ 1 ความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร



ภาพ 1.1 ประกอบเทคโนโลยีสารสนเทศ

1. ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศและความรู้
ข้อมูล ” ( Data ) หมายถึง กลุ่มตัวอักขระที่เมื่อนำมารวมกันแล้วมีความหมายอย่างใดอย่างหนึ่งและมีความสำคัญควรค่าแก่การจัดเก็บเพื่อนำไปใช้ในโอกาสต่อๆไป
สารสนเทศ หรือ สารนิเทศ เป็นศัพท์บัญญติของคำว่า ( Information ) ซึ่งมีความหมายว่า ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ต่างๆที่ได้รับการจัดกลุ่ม คำนวน จัดเรียน สรุปผล หรือ ประมวลผลแล้วจากข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบตามหลักวิชาการ
ความรู้ ” ( Data ) หมายถึง ข้อมูลและสารสนเทศ ซึ่งถูกจัดโครงสร้างและประเมินผล เพื่อถ่ายโอนความเข้าใจ ประสบการณ์และการเรียนรู้ รวมทั้งความเชี่ยวชาญที่เก็บสะสมไว้ภายในฐานความรู้ซึ่งสามารถนำมาใช้แก้ปัญหาและตัดสินใจในการทำกิจกรรมต่างๆ
ปัญญา ” ( Wisdom )คือ ความรู้ที่มีอยู่ในตัวคนซึ่งได้จากการตกผลึกองค์ความรู้ต่างๆ ก่อให้เกิดประโยชน์สามารถนำไปใช้ในการแก้ปัญหาได้
2.
ประเภทของข้อมูล พิจารนาในแง่ขององค์กร ข้อมูลแบ่งเป็น
1)
ข้อมูลภายใน เป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นภายในหน่วยงาน เช่น งบประมาณและการใช้จ่าย
2)
ข้อมูลภายนอก เป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นภายในหน่วยงาน เช่น เศรษฐกิจ สังคม การเมือง พิจารนาในแง่ของการบันทึกข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลแบ่งเป็น
1)
ข้อมูลเชิงจำนวน (Numeric Data) เป็นข้อมูลที่บันทึกตัวเลข นำมาคำนวน เช่น เงินเดือน
2)
ข้อมูลเชิงอักขระ (Character Data) เป็นข้อมูลแสดงตัวอักษร และสัญลักษณ์ ที่แสดงออกได้ นำไปคำนวนไม่ได้
3)
ข้อมูลกราฟิก (Graphical Data) เป็นข้อมูลที่เป็นจุดพิกัดของรูปหรือแผนที่ที่ใช้ในการสร้างรูปและแผนที่
4)
ข้อมูลภาพลักษณ์ (Image) เป็นข้อมูลที่แสดงความเข้มและสีของรูปภาพหรือเอกสารที่ใช้เครื่องสแกนบันทึกไว้ในระบบคอมพิวเตอร์
3.
ความสำคัญของข้อมูลและสารสนเทศ ทั้ง ข้อมูล และ สารสนเทศนับเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้สังคมเจริญพัฒนาก้าวหน้า และเป็นทรัพยากรที่สำคัญของหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะสังกัดภาครัฐหรือเอกชนเนื่องจากข้อมูลหรือสารสนเทศจะทำให้เราทราบว่าสิ่งที่เรายังขาดหรือไม่ทราบคืออะไร
1.
ด้านการวางแผน โดยนำไปใช้ในการวางแผนเกี่ยวกับการจัดการองค์กรการบริหารงานพัฒนามนุษย์ กระบวนการผลิตสินค้า และการตลาด เป็นต้น
2.
ด้านการตัดสินใจ โดยการนำไปใช้ในการตัดสินใจเพื่อเลือกแนวทางหรือทางเอกที่มีปัญหาน้อยที่สุดในการตัดสินใจการแก้ปัญหาต่างๆ
3.
ด้านการดำเนินงาน โดยการนำไปใช้ดำเนินงานต่างๆ เช่นใช้เพื่อควบคุมหรือติดตามผลการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับกฎ ระเบียบ วัตถุประสงค์ และเป้าหมายขององค์กร ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ปัจจุบันการใช้เทคโนโลยีและการสื่อสาร หรือไอซีที (Information and Communications Technology : ICT) เป็นไปอย่างกว้างขวางในทุกสาขาอาชีพ สำหรับความหมายของคำว่า เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่สนใจ เช่น

ภาพ 1.2 เทคโนโลยีเกี่ยวข้องกับการสสือสาร


ตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย พ.ศ.2545-2549 ได้กำหนดความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร คือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับข่าวสาร ข้อมูล และการสื่อสาร ครรชิต มาลัยวงศ์ (2546) กล่าวว่า เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หมายถึงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกัลข้อมูลข่าวสาร และได้ผนวกเอาเทคโนโลยีหลักสองสาขาไว้ด้วย
กัน คือ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสื่อสารคมนาคม และอาจรวมถึงระบบอัตโนมัติระบบงานพิมพ์ และระบบโทรทัศน์ที่มีแนวโน้มจะผนวกเข้ากันด้วย
ขอบข่ายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ขอบข่ายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประกอบขึ้นจากเทคโนโลยีสองสาขาหลักๆ คือ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม สำหรับรายละเอียดพอสังเขปของแต่ละเทคโนโลยีมีดังต่อไปนี้คือ
1.
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในส่วนที่เกี่ยวกับงานด้านสารสนเทศประกอบด้วย ฮาร์ดแวร์ (Hardware), ซอฟต์แวร์ (Software) บุคลากร (People) กระบวนการ (Procedure) และข้อมูล/สารสนเทศ (Data/Information)
2.
เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมใข้ในการติดต่อสื่อสารรับ/ส่งข้อมูลจากที่ไกลๆ เป็นการส่งของข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์หรือเครื่องมือที่อยู่ห่างไกลกัน
วิวัฒนาการและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร วิวัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีความเป็นมาที่ยาวนานมากกว่าที่จะมาเป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานกันอยู่ในปัจจุบันนี้ หากสังเกตจะเห็นว่าในปัจจุบันการค้นคิดเทคโนโลยีเหล่านี้เปลี่ยนไปอย่างเร็วมากจนผู้ใช้แทบจะตามไม่ทัน ซึ่งความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิวัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะมีส่วนช่วยทำให้มองภาพในอนาคตของเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ คือ วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์และวิวัฒนาการของเทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม ยุคภาษาเขียน ภาษาเขียนเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 5,500 ปีมากแล้ว ภาษาเขียนยุคแรกจะเป็นภาษาภาพ (Pictographic) ซึ่งแต่ละภาพใช้ในการสื่อสารแทนคำพูดหรือภาษาพูด ภาษาเขียนยุคแรกนี้เป็นอักษรของชาวสุเมเรียนที่อาศัยอยู่บริเวณราบลุ่มแม่น้ำไทกริสและยูเฟรติส ซึ่งเรียกว่า คูนิฟอร์ม (Cuniform)


ภาพ 1.3 ยุคของการพิมพ์

ยุคของการพิมพ์ จากความต้องการหนังสือที่มากขึ้น ประกอบกับวัสดุรองเขียนหายาก ราคาแพง ผลิตได้คราวละไม่มาก และต้องใช้แรงงานคสเขียนจำนวนมาก ยุคนี้จึงมีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตหนังสือที่ต้นทุนต่ำ นอกจากนี้ กูเต็นเบอร์ก ยังได้ประดิษฐ์แม่แบบสำหรับหล่อตัวพิมพ์โลหะ และหมึกพิมพ์

ภาพ 1.4ของโทรคมนาคม

ยุคของโทรคมนาคม
จากการค้นพบปรากฏการณ์ทางแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้เกิดการประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณืที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการสื่อสารระหว่างมนุษย์ที่อยู่ไกลๆ กันให้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้นทั้งแบบที่ใช้สายเชื่อม เช่น โทรเลข โทรศัพท์ และแบบที่ไร้สายเชื่อม เช่น วิทยุกระจายเสียง วิทยุ โทรทัศน์ ประเภทของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้สร้างสิ่งใหม่ให้กับ
สังคมปัจจุบันที่เรียกว่า เป็นสังคมไร้พรมแดนหรือสังคมโลกาภิวัตน์ (Globalization) ไว้มากมาย เช่น ไซเบอร์สเปซ (Cyberspace) อินเทอร์เน็ต (Internet) ทางด่วนข้อมูล (Information Superhighway) ระบบวีดิโอตามความต้องการ(Video on Demand) การประชุมผ่านทางจอภาพ (Video Conference) พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) ระบบการเรียนทางไกล (Distance Learning) โทรเวช (Telemedicine)ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ไปรษณีย์ภาพ (Video Mail) ไปรษณีย์เสียง (Voice Mail) โทรทัศน์แบบมีการโต้ตอบ (Interactive TV) ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (e-Library) ห้องสมุดเสมือน (Virtual Library) เป็นต้น
ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อนสารมาใช้ได้สร้างผลกระทบต่างๆ ที่มีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน และความเจริญก้าวหน้าต่างๆ ในสังคมมากมายทั้งในด้านบวกและด้านลบ ซ฿งอาจสรุปผลที่เกิดจากกระแสของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในปัจจุบันออกเป็น 3 ระดับใหญ่ๆ
1.
ผลที่เกอดจากกระแสของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในปัจจุบันระดับปัจเจกบุคคล
2.
ผลที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศการสื่อสารในระดับกลุ่ม ระดับสังคม
3.
ผลที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในระดับประเทศและระดับโลก

สรุป ผู้คนที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบบันและต่อไปในอนาคตจำเป็นที่จะต้องมีความู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มีเนื้อหาสาระครอบคลุมเทคโนโลยีสองด้านคือเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสารได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตผู้คนทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเรื่องการเมือง เศรษฐกิจการศึกษา การทำงาน การรักษาโรค และการบันเทิง เป็นต้น ซึ่งความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของผู้คนในประเทศใดๆ ก็ตามสามารถใช้เป็นตัวชื้วัดความเจริญก้าวหน้าของประเทศ ส่วนการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาประยุกต์ใช้ในองค์กรต้องกระทำอย่างรอบคอบ เพราะต้องลงทุนสูงและไม่ใช่ทุกองค์กรที่จะประสบความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้ สำหรับในระดับประเทศภาครัฐต้องทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างปลอดภัย เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศต่างๆ

บทที่ 2 เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์


ภาพ 2.1 เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์

ความหมายของคอมพิวเตอร์ คำว่า คิมพิวเตอร์ (Computer) มาจากภาษาละตินว่า “Computare” มีความหมายว่า การนับ หรือ การคำนวณ สืบเนื่องมาจากคอมพิวเตอร์ในยุคดั่งเดิมน้นการคำนวณทางด้านตัวเลข เป็นหลัก ลักษณะเด่นของเครื่องคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มนุษย์เป็นผู้ประดิษฐ์ขึ้นมา ความสามารถในการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเด่นหลายประการที่ทำให้คอมพิวเตอร์แตกต่างจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อื่นๆ ดังนี้
1.
การปฏิบัติงานอัตโนมัติ (Self Acting)
2.
ความเร็ว (Speed)
3.
การจัดเก็บข้อมูล (Storage)
4.
ความน่าเชื่อถือ (Reliability)
5.
ความถูกต้องแม่นยำ (Accuracy)
6.
ทำงานซ้ำๆ (Repeatability)
7.
การติดต่อสื่อสาร (Communication) ประเภทของคอมพิวเตอร์ การแบ่งประเภทของคอมพิวเตอร์ในที่นี้จะแบ่งคอมพิวเตอร์ตามสมรรถนะและประสิทธิภาพในการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นหลัก
1.
ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer)
2.
เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer)
3.
มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer)
4.
ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer) หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์
1.
มีการรับข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยหน่วยรับข้อมูล/คำสั่ง ซึ่งเป็นอุปกรณ์รับข้อมูลประเภทต่างๆ
2.
ข้อมูลจะถูกส่งต่อไปยังหน่วยประมวลผลกลางเพื่อทำการประมวลผลตามคำสั่งที่ตั้งไว้
3.
ในขณะที่ทำการประมวลผลหน่วยความจำหลักจะเป็นที่เก็บคำสั่งต่างๆในการประมวลผล
4.
เมื่อประมวลผลเสร็จแล้ว ผลลัพธ์จะถูกเก็บที่หน่วยความจำสำรอง
5.
ผลลัพธ์บางส่วนจะถูกแสดงผลด้วยหน่วยแสดงผล



ภาพ 2.2 ฮาร์ดแวร์ CPU


องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
1.
ฮาร์ดแวร์ (Hardware) คือตัวเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่มาพ่วงต่อ
1.1.
หน่วยประมวลผลกลาง หรือ CPU เปรียบได้กับสมองของคอมพิวเตอร์ เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด
1.2.
หน่วยความจำ (Memory Unit) คือส่วนที่ใช้เก็บข้อมูล แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ หน่วยความจำหลักและหน่วยความจำสำรอง 1.3. หน่วยแสดงผล (Output Unit) ทำหน้าที่รับข้อมูล ที่ผ่านการประมวลผลแล้วมาแสดงในรูปแบบต่างๆโดยอาศัยอุปกรณ์แสดงผล
2.
ซอฟต์แวร์ (Software) ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ให้ทำงานอย่างมี 
ประสิทธิภาพ ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ มี 2 ประเภท คือ
2.1.
ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) ควบคุมการทำงานของฮาร์แวร์คอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่จัดระบบการเก็บข้อมูล การรับส่งข้อมูลและเป็นระบบปฏิบัติการ (Operating System : OS)  

ภาพ 2.4 Application Software
2.2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) ซอฟต์แวร์ที่ดปรแกรมเมอร์เขียนขึ้นด้วยภาษา
คอมพิวเตอร์เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำการประมวลผลให้ได้นำไปใช้งานตามที่ต้อง
การมีด้วยกัน 2 ประเภท คือ ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปและซอฟต์แวร์เฉพาะด้าน 
ภาพ 2.5 บุคลากร People ware


3. บุคลากร (People ware)
3.1.
ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง
3.2.
ผู้จัดการโครงการ
3.3.
นักวิเคราะห์ระบบ
3.4.
โปรแกรมเมอร์
3.5.
ผู้จัดการฐานข้อมูล
3.6.
เว็บมาสเตอร์
3.7.
เจ้าหน้าที่ฝึกอบรมคอมพิวเตอร์

ภาพ 2.6 Procedure

3.8. เจ้าหน้าที่ฝึกอบรมคอมิวเตอร์
3.9.
ช่างเทคนิคระบบคอมพิวเตอร์
3.10.
ผู้ใช้
4. กระบวนการทำงาน (Procedure)

 5. ข้อมูลและสารสนเทศ
สรุป
คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นต่อการดพเนินงานของทุกๆ องค์กร เพราะ คอมพิวเตอร์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน คอมพิวเตอร์มีหลากหลายประเภทการเลือกใช้ขึ้นอยู่กับลักษณะของงานเป็นหลัก องค์ประกอบที่สำคัญของระบบคอมพิวเตอร์ประกอบด้วย ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ บุคลากร ระเบียบปฏิบัติ ข้อมูลปละสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตมีการจัดเตรียมคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คให้กับนักศึกษาทุกคน เพื่อประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้าข้อมูลที่ทันสมัยและพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารให้มากยิ่งขึ้น